ยินดีต้อบรับสู่โลกเยอรมันนี

ก้าวข้ามเวลา กับเรื่องราวในอดีต

ประวัติศาสตร์อันยาวนาน

เเละยังคงยืนหยัด ตระการมาถึงทุกวันนี้

เรื่องราวในอดีต

ที่จะเป็นทั้งบทเรียน เเละบทป้องกันไม่ให้อนาคตได้ทำผิดพลาดอีก

คน สัตว์ สิ่งของ

ยืนยันจากเหตุการณ์ ว่าไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า

วัฒนธรรม ความเป็นอยู่

คือสิ่งที่ต้องเรียนรู้ เพื่อให้อยู่รอดอย่างมีความสุข

วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

กำเนิดกำเเพงเบอร์ลิน(ตอนที่2)

กำเเพงเบอร์ลิน มีความยาวทั้งหมด 155 กม. สูง 3.6 เมตร บางส่วนมีรั้วเหล็กเสริมข้างบนอีก รวม 66.5 กิโลเมตร ป้อมรักษาการ 302 เเห่ง เครื่องส่งสัญญาณที่ติดตามกำเเพง 127 จุด

เเละทางเดินรอบๆกำเเพง สำหรับทหารยาม เเละสุนัข คอยเดินตรวจตราอีก 259 สาย
       ประชาชนในกรุงเบอร์ลินจึงถูกเเบ่งเเยกจากกันอย่างสิ้นเชิง พ่อเเม่พี่น้อง ผัวเมีย ถูกพรากจากกัน โดยทันทีทันใด ว่ากันว่าหากเยอรมันตะวันออกไม่สร้างกำเเพง(หรือรักษาชายเเดน ไม่ให้คนเข้าออกอย่างเคร่งครัด เเบบเอาเป็นเอาตาย)
จะต้องกลายเป็นเมืองร้าง เพราะคนย่อมอยากอพยพไปอยู่ในที่ ที่ดีกว่าประชาชนที่ยอมอยู่ ก็น่าจะเป็นคนกลุ่มน้อยที่ถูกล้างสมอง หรือกลุ่มนักการเมือง ข้าราชการ พรรคคอมมิวนิสต์ที่เคยอยู่อย่างสุขสบาย มีอำนาจเหนือประชาชนเท่านั้น

       บริเวณเขตเเดนอื่น รั้วกั้นเขตเเดนเป็นเพียงขั้วรวดหนาม ไม่ใช่กำเเพง มีป้อมยาม รักษาเขตเเดนเป็นระยะ เพื่อไม่ให้มีผู้ใดข้ามเขตเเดนออกไป
ทหารยามได้รับคำสั่งให้ยิงผู้ลักลอบหนีออกจากเยอรมันตะวันออก จึงมีชื่อเรียกเขตเเดนนั้นว่าเส้นตาย
       มีคนบาดเจ็บเเละตายเป็นจำนวนมาก(จำนวนผู้เสียชีวิต ไม่มีใครทราบจำนวนเเน่นอน คาดว่าอาจถึง 206 ราย เเต่ที่ได้รับการบันทึกไว้ 136 ราย)
      การหลบหนีที่โด่งดังที่สุดก็คือ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 1962 เพเตอร์ เฟชเตอร์ อายุ 18 ปี ถูกยิง
เเละทหารเยอรมันตะวันออกปล่อยให้เลือดไหลจนตาย ต่อหน้าสื่อมวลชนตะวันตก นับว่าเป็นเรื่องหนึ่ง ในบรรดาเรื่องราวที่น่าเศร้าสลดใจมากมาย เกี่ยวกับการหลบหนีออกจากดินเเดนคอมมิวนิสต์
      ในค.ศ.1964 มีการวางเเผนการหนีอย่างรัดกุม เเละประสบผลสำเร็จ นั่นคือ มีการเจาะอุโมงค์ใต้ดินจากตะวันออก มาตะวันตก ที่มีความยาวถึง 145 เมตร ความลึก 12 เมตร เเละความสูงของอุโมงค์เพียง 80 เซนติเมตร ใช้เวลาขุดครึ่งปี มีผู้หนีออกมาได้ 57 คน
      ผู้หลบหนีรายสุดท้ายที่ถูกยิงตาย คือ นายคริส กูฟฟรอย
เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 1989
      คำพูดของอดีตประธานธิบดี ประเทศสหรัฐอเมริกา จอห์น เอฟ เคเนดี้
ให้กำลังใจชาวเยอรมัน ที่ถูกกำเเพงเบอร์ลินเเบ่งเเยกออกจากกัน เมื่อคราวกล่าวคำปราศรัย ในโอกาสที่ไปเยือนเบอร์ลิน เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 1963 ว่า
       ผมเป็นชาวเบอร์ลินคนหนึ่ง

จึงกลายเป็นประโยค ประวัติศาสตร์ เเละทำให้เขาได้รับความนิยมชมชอบจากชาวเยอรมัน
       ทั้งนี้ ก็เพราะกำเเพงเบอร์ลิน เป็นสัญลักษณ์ของสงครามเย็น ที่กั้นระหว่างเยอรมันตะวันตก ซึ่งมีสหรัฐอเมริกาหนุนหลังเเละเยอรมันตะวันออกซึ่งมีสหภาพโซเวียตรัสเซียหนุนหลัง...

เเหล่งข้อมูล: วิกิพีเดีย เยอรมันเเละไทย
หนังสืออ้างอิง Die Mauer Berlin 1961-1989
สำนักพิมพ์ Schikkus
จุลสารชาวไทย Schau-Thai ฉบับที่ 200 ปีที่ 18 ประจำเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2553 หน้า28-29

ก่อกำเนิดกำเเพงเบอร์ลิน(ตอนที่1)

อิสรภาพนั้นสำคัญ เเละยิ่งใหญ่เพียงใด
คงไม่มีตัวอย่างเหตุการณ์ใดที่ชัดเจน เท่ากับเหตุการณ์ถูกริดรอน อิสรภาพในเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่2 ในประเทศเยอรมันนีอีกเเล้ว ประวัติศาสตร์ เป็นเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นจริง เเละนำมาใช้เป็นข้อคิดใน ในการดำเนินชีวิต เเละปรับปรุง พัฒนา เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์นั้นๆขึ้นอีกในอนาคตได้อีก เพียงเเต่เราจะรู้จักปรับ เเละนำมันกลับมาใช้ หรือเลือกที่จะลืมเรื่องราว
เจ็บปวดในอดีต เเล้วปล่อยให้เหตุการณ์เหล่านั้น ย้อนกลับมาเกิดขึ้นอีก การเเกล้งลืม บางครั้งก็กลายเป็นการ เริ่มต้นสร้างอนาคตที่เจ็บปวดอีกครั้ง บทความนี้จะย้อนเหตุการณ์สำคัญในอดีตของประเทศเยอรมันนี หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อให้เห็นภาพ เเละเข้าใจว่าทำไมผู้คนจึงยอมเอาชีวิตเข้าเเลก เพื่อให้ได้มาซึ่งอิสรภาพอีกครั้ง
ความคิดเเปลกๆ ในการหาหนทาง เเละวิธีการหนีออกจากดินเเดนคอมมิวนิสต์
สงครามไม่ได้จบลง หลังการประกาศ เเต่ผลพวงหลังสงครามนั่นเเหละ คือความจริงที่ผู้เหลือรอด ต้องช่วยกันรับผิดชอบ เเละอยู่ให้ได้
     หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (ค.ศ. 1939 -1945 ) ประเทศเยอรมัน เเบ่งออกเป็นสองประเทศ คือ เยอรมันตะวันออก
หรือสาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมัน Deutsche Demokratische Republick เรียกชื่อย่อๆว่า DDR )
ปกครองโดยระบอบคอมมิวนิสต์ เเละเยอรมันตะวันตก หรือ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมันนี้ Bundes Republik Deutschland  เรียกชื่อย่อว่า BRD ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย
    ประชาชนเยอรมัน ภายใต้การปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ ถูกจำกัดเสรีภาพ หากออกความคิดเห็นไปในเเนวทางที่ขัดกับรัฐบาล ก็จะถูกสายลับคอยจับตาดูความเคลื่อนไหว ซึ่งต่อมาเมื่อมีพยานหลักฐานก็จะถูกจับกุม ในฐานที่กระทำการเป็นภัยต่อชาติ บ้านเมือง คนที่มีญาติพี่น้องอยู่ทางเขตตะวันตก มักจะได้รับของกิน ของใช้ รวมทั้งเสื้อผ้า เด็กๆก็จะได้รับช๊อคโกเเล๊ต ที่ส่งไปให้ทางไปรษณีย์
   ยิ่งประชาชนอยู่ใต้ระบบการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ นานขึ้นเท่าไร ความกดดันก็ทวีขึ้นมากเท่านั้น จำนวนประชาชนที่พยายามหนีออกมาจากเขตตะวันออกจึงมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆที่เสี่ยงต่อชีวิต เเละการถูกจับกุม ซึ่งหมายถึงการสอบสวน ข่มขู่ เเละเเน่นอนว่าในการตัดสินคดี ข้อหากระทำการอันเป็นภัยต่อชาติบ้านเมือง ไม่มีใครคิดจะพึ่งพา หรือเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมได้ เพราะอยู่ใต้อำนาจของนักการเมือง

    อีกทั้งในด้านเศรษฐกิจ สิ่งเเวดล้อม ต่างๆเขตตะวันออกก็ด้อยกว่าตะวันตกมาก เเละนับวันความเเตกต่างก็จะมากขึ้นทุกที ทั้งรัฐบาลก็ไม่สามารถจะสร้างภาพปกปิดประชาชนได้อีกต่อไป เพราะการติดต่อ ส่งข่าวสารที่พัฒนาขึ้นทุกวันเช่นทางวิทยุเเละโทรทัศน์
      จนกระทั่งมีการเดินขบวนประท้วงรัฐบาล เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ.1953 เเต่ตอนนั้นทหารก็ทำการปราบปรามประชาชนได้
ด้วยความช่วยเหลือทางการทหารจากสหภาพ โซเวียตรัสเซีย มีประชาชนเสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บเเละถูกจับเป็นจำนวนมาก
      รัฐบาลเผด็จการ คอมมิวนิสต์ ทราบดีถึงปัญหา ที่ประชาชนต้องการอิสรภาพในการเเสดงความคิดเห็น เเละการที่จะออกไปท่องเที่ยวในโลกกว้าง หรือจริงๆเเล้วได้กลับไปพบปะลูกหลาน ญาติพี่น้อง สามีหรือภรรยา ที่เยอรมันตะวันตก ยิ่งนับวัน คลื่นการหนีของประชาชนจากตะวันออกสู่ตะวัน ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะที่กรุงเบอร์ลิน
      ตั้งเเต่ ค.ศ.1945 ถึง 1961 มีจำนวนผู้คนที่อพยพจากตะวันออกสู่ตะวันตก ถึง 3.6 ล้านคน
เฉพาะเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1960 ทำสถิติสูงสุดถึง 30,415 คน
      ด้วยเหตุนี้ ในวันที่ 13 สิงหาคม ค.ศ.1961 เพียงเวลาชั่วข้ามคืน กำเเพงเบอร์ลินก็ถูกสร้างขึ้น เริ่มจากการวางรั้วลวดหนามก่อน ไม่กี่วันก็ทุ่มกำลัง ทั้งตำรวจ ทหาร เเละคนทั่วไป รวมเเล้วกว่าหมื่นคน

ก่อกำเเพงกั้นเขตเเดนเสร็จคนที่เป็นเจ้าความคิดในการสร้างกำเเพงเบอร์ลิน ก็คือนาย Walter Ulbricht ผู้นำระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์เยอรมันตะวันออก ที่ได้ไฟเขียวจากนาย Nikita Chrushtschow ผู้นำของโซเวียตฯ...
เเหล่งข้อมูล: วิกิพีเดีย เยอรมันเเละไทย
หนังสืออ้างอิง Die Mauer Berlin 1961-1989
สำนักพิมพ์ Schikkus
จุลสารชาวไทย Schau-Thai ฉบับที่ 200 ปีที่ 18 ประจำเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2553 หน้า28-29




วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เเบ่งเพศอย่างไรในภาษาเยอรมัน

เพศในภาษาเยอรมัน (Geschlecht der Substantive )

ภาษาเยอรมันมีความสวยงาม เเละสุภาพ ไม่เชื่อดูสิ ว่าเขาเเบ่งสิ่งต่างๆในโลกนี้ออกเป็นสามเพศ
เเละให้ความสำคัญในเเง่ว่า การผันกริยา เติมคำขยาย อธิบายคำเเสดงเเทนประธาน ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องพยายามจำให้ได้ว่า สิ่งที่เรากำลังพูดถึง เป็นเพศไหน มาดูหลักเกณฑ์การช่วยจำเพศเบื้องต้นกันดีกว่า

จุดประสงค์ในการเรียนรู้

เพื่อให้เรารู้ว่าสิ่งไหน เป็นเพศอะไร
คำนาม
เพศ
der Mann
die Frau
das Kind
male
female
neuter



กฏทั่วไป

ในภาษาเยอรมันมี 3 เพศ:
  • männlich (ชาย)
  • weiblich (หญิง)
  • sächlich (กลาง)
 
เเต่ละเพศจะบ่งด้วยคำนำหน้า:
  • der สำหรับคำนามเพศชาย
  • die สำหรับคำนามเพศหญิง
  • das สำหรับคำนามเพศกลาง

คำนามไหนจะเป็นเพศไหน?
มีกฏว่า:
ไม่มีกฏตายตัว หรือเพียงเเค่เป็นสิ่งที่ยอมรับกันทั่วไป.
มีตย.การจำทั่วไปว่า บางอย่างที่เรารู้โดยพื้นฐานอยู่เเล้วว่าเป็นเพศไหน ก็จะเอาคำนำหน้าเพศนั้นไประบุเลย อาทิเช่น
  • der Mann (man)->     ส่วนใหญ่ ก็ต้องเป็นเพศชาย
  • die Frau (woman)-> ส่วนใหญ่ ก็ต้องเป็นเพศหญิง
  • das Mädchen (girl)->ส่วนใหญ่ ก็ต้องเป็นเพศหญิง เเต่ในภาษาเยอรมัน เลือกจะให้เป็นเพศกลางเเทน!
จึงอาจจะเรียกได้ว่า ในทางเเกรมม่าของภาษาเยอรมัน ไม่สามารถเป็นกฎตายตัวได้เหมือนกัน ว่าสิ่งนี้ต้องเป็นเพศนี้เเน่นอน

ตย.ที่สองคือ ศัพท์ทั้งหมดของคำที่เกี่ยวข้องกับมหาสมุทร หรือทะเลจะมีได้ทั้ง 3 เพศ:
  • der Ozean -> ชาย
  • die See     ->  ผู้หญิง
  • das Meer  -> กลาง
ดังนั้น หากจะเรียนภาษาเยอรมัน เราควรเรียน เเละท่องจำ เพศควบคู่ไปกับคำนามเลย เพื่อจะได้ชินกับ การเรียกเพศของคำนามนั้น เเต่อย่างไรก็ตาม ยังมีหลักการจำเกี่ยวกับเรื่องเพศ ที่ใช้กันเป็นส่วนใหญมาช่วยให้เราจำได้ดียิ่งขึ้น


DER - male nouns เพศชาย
1. วันทั้งหมด, เดือน เเละฤดูกาล 
  • der Montag (Monday)
  • der Mai (May)
  • der Winter (winter)
2. อาชีพเเละสัญชาติ ที่เราหมายถึงเพศชายเลย
  • der Arzt (หมอผู้ชาย)
  • der Student (นักเรียนชาย)
  • der Deutsche (ชายชาวเยอรมัน)
3. ชื่อ ยี่ห้อ รถ
  • der ICE (รถด่วนในเยอรมันนี)
  • der Mercedes (ยี่ห้อรถเมอร์ซิเดส)
  • der VW (ยี่ห้อรถในเยอรมัน)
4. บุคคลที่เรารู้คุ้นอยู่เเล้วว่าต้องเป็นเพศชายเเน่ๆ
  • der Mann (ผู้ชาย)
  • der Junge (เด็กผู้ชาย)
  • der Bruder (น้องหรือพี่ชาย)
5. ชื่อภูเขา เเละทะเลสาป
  • der Bodensee (ทะเลสาปโบเดนเซ)
  • der Mount Everest (ภูเขาเอวอร์เรต)
  • der Kilimandscharo (ชื่อยอดเขาในเเอฟริกา)
6. คำนามทั้งหมดที่ลงท้ายด้วย-ich, -ig, -ling
  • der Honig (น้ำผึ้ง)
  • der Teppich (พรม)
  • der Schädling (ศรัตรูพืช)
7. คำนามทั้งหมดที่ลงท้ายด้วย-el,-en, -er are male
  • der Wagen (รถ)
  • der Löffel (ช้อน)
  • der Becher (เเก้วกาเเฟ)

DIE - female nouns เพศหญิง
1. คำนามทั้งหมดที่ลงท้ายด้วย -heit, -keit, -schaft, -tät, -ung
  • die Freundschaft (ความเป็นเพื่อน)
  • die Freiheit (อิสรภาพ
  • die Wohnung (อาพาร์ทเมนส์)
2. คำนามทั้งหมดที่ลงท้าย-ik, -ade, -age, -enz, -ette, -ine, -ion, -ur are female
  • die Musik (เพลง
  • die Waage (ราศีตุลย์
  • die Nation (เชื้อชาติ)
3. ตัวเลขทั้งหมด
  • die Eins (หนึ่ง)
  • die Zwei (สอง)
  • die Drei (สาม)
4. คำนามที่ระบุ หรือรู้อยู่เเล้วว่าเป็นเพศหญิงเเน่นอน
  • die Frau (ผู้หญิง)
  • die Dame (ผู้หญิง)
  • die Tochter (ลูกสาว)
5. ชื่อดอกไม้ ต้นไม้ทั้งหมด
  • die Rose (ดอกกุหลาบ)
  • die Orchidee (กล้วยไม้)
  • die Palme (ปล์าม)
6. คำนามทั้งหมดที่ลงท้าย-ei, -ie, -ive, itis, isse are female
  • die Polizei (ตำรวจ)
  • die Linie (เส้น)
  • die Initiative (ความคิดริเริ่ม)
7. คำนามทั้งหมดที่ลงท้าย-e are female
  • die Ecke      (หัวมุม)
  • die Grenze (เขตเเดน)
  • die Decke   (เพดาน)

DAS - neuter nouns เพศรวม
1. คำนามทั้งหมดที่ลงท้าย -lein, -chen are neuter
  • das Fräulein (หญิงสาว)
  • das Mädchen (เด็กผู้หญิง)
  • das Kätzchen (ลูกเเมว)
2. ชื่อโรงเเรม ,คาเฟ่,โรงละคร
  • das Hilton (Hilton)
  • das Gewandhaus (โรงละครที่มีชื่อเสียงมากในเยอรมัน)
  • das Altwerk (pizza restaurant in Nideggen)
3.สีทั้งหมด
  • das Blau (สีน้ำเงิน)
  • das Rot   (สีเเดง)
  • das Gelb  (สีเหลือง)
4. คำกริยาที่ใช้เป็นคำนามทั้งหมด
  • das Lesen         (การอ่าน)
  • das Schreiben (การเขียน)
  • das Sehen        (การเห็น)
5. ชื่อเมือง,ชื่อประเทศ
  • das Deutschland (Germany)
  • das Italien   (Italy)
  • das Köln (Cologne)
6. คำนามทั้งหมดที่ลงท้าย-tum, -ment, -um, -ium, -nis are neuter
  • das Museum (พิพิธภัณฑ์)
  • das Datum (วันที่)
  • das Verhältnis (ความสัมพันธ์)
7. คำนามที่ขึ้นต้นด้วย  "Ge" and ending with "e"
  • das Gebäude (ตึก,อาคาร)
  • das Gefüge (โครงสร้าง)
  • das Gerede (ซุบซิบ,นินทา)

วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

คำศัพท์ที่ยาวที่สุดของเยอรมันนีถูกลบทิ้ง


เยอรมนีลบทิ้ง"คำศัพท์ยาวที่สุด"63 ตัวอักษร เพราะอียูเปลี่ยนกฎหมาย
การเปลี่ยนแปลงกฎหมายฉบับหนึ่งของเยอรมนี ทำให้ต้องลบคำที่ยาวที่สุดในภาษาเยอรมันออกจากพจนานุกรม

คำว่า "Rindfleischetikettierungsueberwachungsaufgabenuebertragungsgesetz" หรือ"กฎหมายการตรวจสอบฉลากเนื้อ" ถูกนำมาใช้ที่รัฐเมคเลนบวร์ก-ฟอร์พอมเมิร์น เพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับของสหภาพยุโรป ( อียู ) เมื่อปี 1999  กฎหมายดังกล่าวถูกยกเลิกหลังจากการเปลี่ยนแปลงข้อบังคับของสหภาพยุโรปด้านการทดสอบสุขภาพของสัตว์จำพวกวัว

ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีว่า ชาวเยอรมันมักมีความสามารถในการนำคำต่างๆมาประกอบเข้าด้วยกันจนกลายเป็นคำขนาดยาว ที่มักใช้อธิบายความหมายทางกฎหมายและวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมันมักเรียกคำเหล่านี้ว่า "คำพยาธิตัวตืด"

โดยคำขนาดความยาว 63 ตัวอักษรนี้ เกิดขึ้นจากผลของความพยายามในการต่อสู้กับโรควัวบ้า ซึ่งมีคำย่อคือ "RkReUAUG" และใช้มาตั้งแต่ปี 1999 ซึ่งเป็นช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่โรควัวบ้ากำลังแพร่ระบาดหนักไปทั่วทั้งทวีปยุโรป

ที่ประชุมสภาของรัฐเมคเลนบวร์ก-ฟอร์พอมเมิร์น มีมติเสียงข้างมากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ให้เลิกการบังคบใช้กฎหมายว่าด้วยการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เนื้อวัวแปรรูปและแช่แข็ง เนื่องจากที่ประชุมอียูเพิ่งมีมติเปลี่ยนแปลงมาตรการตรวจสอบเนื้อวัวแช่แข็งและแปรูปที่วางจำหน่ายในภูมิภาคเมื่อไม่นานมานี้

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ทำให้ต้องมีการค้นหาคำศัพท์ที่ยาวที่สุดคำใหม่ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือคำว่า "Donaudampfschifffahrtsgesellschaftskapitaenswitwe" ที่มีความหมายว่า "ภรรยาหม้ายของกัปตันบริษัทเรือไอน้ำแห่งแม่น้ำดานูบ"

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า คำที่มีความยาวดังกล่าว มักไม่มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย และไม่มีแนวโน้มที่จะถูกบรรจุในพจนานุกรมมาตรฐานภาษาเยอรมัน โดยคำที่ยาวที่สุดที่พบในพจนานุกรมคือคำว่า "Kraftfahrzeughaftpflichtversicherung" หรือ"การประกันภัยความรับผิดของรถยนต์"

เเหล่งอ้างอิง   MatichonOnline


ตัวอักษรเเละสระ เเละการออกเสียงในภาษาเยอรมัน




มาเรียนภาษาเยอรมันกันค่ะ เเต่ละบทเรียนของเราจะเริ่มจากเรื่องพื้นฐาน ก่อนค่อยปูไปเเกรมม่าตัวที่ยากขึ้น เคยเป็นคนที่เรียนภาษา หัวไม่ไปเเม้ใจรัก ดังนั้นจะเข้าใจอย่างสุดซึ้งว่า บางครั้ง ปฏิหารย์ก็ไม่มีจริง ที่พรสวรรค์ในตัวเราจะออกมาเพ่นพ่าน ให้โลกได้ตะลึง ดังนั้นการเรียนที่เริ่มจากศูนย์ เเละสำหรับคนที่พึ่งมาเรียนตอนอายุไม่น้อย นับว่ายากทีเดียว จนจับเทคนิคได้ว่า ถึงใครๆบอกเเกรมม่าไม่สำคัญ เเต่สำหรับภาษาเยอรมัน นั้นสำคัญมากกก เพราะเราจะสามารถเรียงประโยคได้สวย เเละเข้าใจก็ด้วยการจับเเกรมม่าในประโยคนั้นได้ สำหรับคนของเขาเองเเน่นอนว่าไม่สำคัญ เพราะเขาอัตโนมัติที่จะพูด ก่อน ฟัง อ่าน เขียน ได้  เเต่หากมีใจรัก ทุกอย่างย่อมไม่ยากค่ะ ผู้เขียนเอาตัวอย่างบทความของคนเยอรมันคนหนึ่งที่เขียนเวปไซด์ สอนภาษาเยอรมันให้เเฟนสาว มาเเปลเป็นภาษาไทย เนื่องจากตัวบทความ อีกทั้งตัวอย่าง เขาเขียนไว้ดีมาก ง่ายเเต่ชัดเจน ผู้เขียนเคยอ่านใช้ประกอบการสอบมาเเล้ว ได้ผลจริงๆ มาติดตามเเละเรียนไปพร้อมกันเลยค่ะ

ตัวอักษรในภาษาเยอรมันเเยกออกได้เป็น 3 กลุ่ม คือ
  • พยัญชนะ  Konsonaten = Mitlaute (consonants) 
  • สระ Vokale = Selbstlaute (vowels)
  • อูมเล่า เป็นการออกเสียงเฉพาะ (umlaute)

พยัญชนะKonsonanten
b, c, d, f, g, h, j, k, l, m, n, p, q, r, s, t, v, w, x, y, z, ß
สระVokale
a, e, i, o, u
อูมเล่าUmlaute
ä, ö, ü

    มาฝึกออกเสีียงกัน ทำตามช้าๆซ้ำๆจกกว่าจะคล่องน่ะค่ะ

เวลาเขียน ตัวอูมเล่า โดยคีย์บอร์ดที่ไม่มีภาษาเยอรมัน เราอาจไม่จำเป็นต้องเขียนตัวจุดกลมๆบนตัวอักษรก็ได้ จะใช้วิธีเติมตัวอี เข้าไปหลังพยัญชนะนั้น ซึ่งการออกเสียงก็จะไม่เหมือนการออกเสียงเฉพาะตัวพยัญชนะเดี่ยวๆ

    • ä = ae
    • Ä = Ae
    • ö = oe
    • Ö = Oe
    • u = ue
    • Ü = Ue
    • ß = ss
   หรือใช้เครื่องหมายเหล่านี้จากเเป้นพิมพ์ก็ได้ค่ะ

ä
ALT + 0228
Ä
ALT + 0196
ö
ALT + 0246
Ö
ALT + 0214
ü
ALT + 0252
Ü
ALT + 0220
ß
ALT + 0223

    เห็นไหมค่ะ เริ่มต้นง่ายนิดเดียว  เดี๋ยวไปต่อบทต่อไปกันเลยน่ะค่ะ